ในช่วงเวลาตึงเครียด เราอาจมีทัศนคติหรือมุมมองแบบต่างๆ ด้านหนึ่งอาจรู้สึกกระตือรือร้น แต่อีกด้านกลับรู้สึกปล่อยวางและผ่อนคลาย ในช่วงเวลาที่รู้สึกกระตือรือร้น เป็นโอกาสดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการที่จำเป็น ในเวลาเช่นนี้ เราจะพบกับความสุขอย่างมากมาย ในการดูแลและให้ความช่วยเหลือ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เราสามารถท่องมนต์ในใจเช่น “ ขอให้คุณปราศจากทุกข์และมีความสุข” เพื่อให้เราเดินหน้าต่อไป เมื่อเราทำทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้แล้ว เราสามารถผ่อนคลาย และท่องในใจว่า “ ฉันได้ทำดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะได้พักบ้าง” ท้ายที่สุด เมื่อเราพบกับความสงบสุข และสามารถไตร่ตรองอย่างถูกวิธี เราอาจคิดได้ว่า “สุดท้าย..ทุกคนก็ต้องจากไป ไม่วันใดก็วันหนึ่ง” เราทุกคนต้องการมีใครสักคนในชีวิต ที่สามารถพูดเช่นนี้ได้ด้วยรอยยิ้ม บ่อยครั้งที่เป็นงานของพระสงฆ์หรือภิกษุณี ที่ถูกฝึกมาเพื่อทำหน้าที่นี้ หลวงพ่อชาเคยพูดว่า “ถ้าคุณปล่อยวางได้น้อย คุณจะมีความสงบสุขเพียงเล็กน้อย ถ้าคุณปล่อยวางได้มาก คุณจะมีความสงบสุขมาก ถ้าคุณปล่อยวางได้อย่างสมบูรณ์ คุณจะมีความสงบสุขที่สมบูรณ์” อันที่จริง การปฏิบัติในอุดมคติ คือการรักษาทัศนคติเหล่านี้ไว้ โดยการกระตือรือร้นภายนอก และผ่อนคลายภายใน เช่นเป็นพยาบาลภายนอก และเก็บความเป็นพระหรือแม่ชีไว้ภายใน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ถ้าเราฝึกตัวเองทั้งสองด้าน หากเราสามารถหาที่พึ่งพิงทางใจ ให้ตัวเองได้ในช่วงเวลาเช่นนี้ มันก็จะอยู่กับเราตลอดไป อาตมาขอเสนอธรรมะนี้เพื่อการเรียนรู้และพิจารณา อาจารย์กัลยาโณ ติดตามคำสอนเพิ่มเติมที่แปลเป็นไทยแล้วได้ที่นี่: www.openthesky.co.uk/thai Comments are closed.
|
พระอาจารย์กัลยาโณ Categories
All
|